
หนังซามูไรแอ็กชันจากญี่ปุ่น ที่เล่าถึงอดีตนักฆ่าที่สาบานว่าจะไม่ประหัตประหารอีก แต่ถูกบังคับให้ใช้ดาบอีกครั้งเพื่อปกป้องผู้คนและล้างชื่อของตัวเอง
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้กำกับ: Keishi Ōtomo
นำแสดงโดย: Takeru Satoh (รับบท Himura Kenshin), Emi Takei (รับบท Kamiya Kaoru) :contentReference[oaicite:5]{index=5}
ความยาว: ประมาณ 2 ชั่วโมง 14 นาที
คะแนน IMDb: 7.4 / 10 (จากผู้ใช้บน IMDb)
เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์หนัก)
ในยุคต้นของราชวงศ์เมจิ ประเทศญี่ปุ่นถูกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว … อดีตยอดนักฆ่า Himura Kenshin (Takeru Satoh) ที่เคยใช้ชื่อ “Battōsai” เดินทางร่อนเร่อยู่ในฐานะคนจร พร้อมกับสาบานว่าจะไม่ฆ่าอีก หลังจากการเปลี่ยนแปลงของระบบ เขาเห็นความทุกข์ของผู้คนและเลือกใช้ดาบ “ซากาบาตō” ซึ่งเป็นดาบคมแต่หักรัก เพื่อปกป้องผู้ที่ถูกลิดรอน
เขาได้เข้าไปพัวพันกับ Kamiya Kaoru (Emi Takei) เจ้าของโรงดาบที่ถูกใส่ร้ายจากชายที่ใช้ชื่อ Battōsai และทำลายชื่อของโรงดาบนั้น เมื่อมีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่คนเข้าใจว่าเป็นฝีมือ Battōsai จริงๆ Kenshin จึงต้องเผชิญหน้าทั้งศัตรูภายนอกและอดีตของตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเปลี่ยนแล้ว… หรือยังเป็น Battōsai ในเงามืด
สปอยล์เนื้อเรื่องแบบเต็ม
Kenshin เดินทางถึงโตเกียวและได้พบ Kaoru ซึ่งยังคงเปิดโรงดาบของพ่อเธอ แม้จะถูกใส่ร้ายว่าโรงดาบนั้นเป็น “ห้องฆ่า” ของ Battōsai Kenshin ช่วยเธอจัดการกับผู้ร้ายที่แฝงตัวมา และได้ตั้งพักอยู่ในโรงดาบนั้นด้วย
ขณะเดียวกัน Takeda Kanryū (Teruyuki Kagawa) พ่อค้าอำนาจที่ใช้การผลิตฝิ่นและมีแผนขยายอำนาจ เริ่มก่อเหตุร้ายโดยใช้ชายชื่อ Udō Jin-e (Kōji Kikkawa) หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากยุทธการโทบะ–ฟุชิมิ ให้ปลอมเป็น Battōsai และฆ่าคน เพื่อใส่ร้ายโรงดาบของ Kaoru
Megumi Takani (Yū Aoi) หนึ่งในผู้ถูกบังคับให้ผลิตฝิ่นหลบหนีมาอยู่กับ Kenshin และ Kaoru ส่วน Sanosuke Sagara (Munetaka Aoki) ลูกทีมทหารรับจ้างที่ท้า Kenshin เพื่อประลองแต่กลายเป็นเพื่อนและพวกพ้อง
ในช่วงท้าย Jin-e บุกโรงดาบของ Kaoru และลักพาตัวเธอเพื่อบีบ Kenshin ให้ใช้ดาบฆ่าเขา Kenshin ต่อสู้กับ Jin-e ด้วยสุดฝีมือ ขณะที่ Kaoru ถูกอำนาจของ Kanryū กดดัน … Kenshin ได้รับบาดเจ็บมาก แต่เขาเลือกที่จะไม่ฆ่า Jin-e โดยใช้ซากาบาตōแทงข้อมือจนหักสลาย และ Jin-e ปลิดชีวิตตนเองพร้อมเตือนว่า “ผู้ใช้ดาบต้องตายด้วยดาบ”
สุดท้าย Kenshin หายใจด้วยบาดแผล เขากลับมาที่โรงดาบกับ Kaoru และเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยยังคงสาบานว่าจะไม่ฆ่าอีก แม้ว่าอดีตจะยังตามติดเขา… เสียงดาบและรอยแผลคือเครื่องเตือนใจว่า “ฆ่าแล้ว ก็จบไม่ง่าย”
บทวิจารณ์ : อะไรเวิร์ก อะไรแผ่ว
จุดแข็ง
– ฉากแอ็กชันของดาบจัดจ้าน จนได้รับคำชมว่าสูงกว่ามาตรฐานหนังซามูไรทั่วไป.
– แนวคิดของตัวละคร Kenshin ที่เคยเป็นนักฆ่าแต่สาบานไม่ฆ่าอีก เป็นหัวใจดราม่าที่ลึกและกินใจ.
– งานโปรดักชัน วิวทิวทัศน์ยุคเมจิ ชุด เสื้อผ้า ดาบ และมุมกล้อง ทำได้อย่างละเอียดและยกสไตล์ขึ้น.
จุดอ่อน
– โครงเรื่องถูกย่อให้เข้ากับหนังเดียว ทำให้รายละเอียดบางตัวละครรองถูกละไว้ เช่น Sanosuke และ Megumi อาจมีพัฒนาการน้อยกว่าที่ควร.
– ผู้ชมที่ไม่รู้จักต้นฉบับอาจรู้สึกว่าบทบางช่วง “รวบรัด” และไม่เข้าใจแรงจูงใจเบื้องหลังบางตัวละคร.
บทสรุป | ต้องดูไหม?
ถ้าคุณเป็นแฟนของหนังซามูไร ดาบ และดราม่าหนัก Rurouni Kenshin คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด — เพราะมันรวมความบันเทิงแบบดั้งเดิมกับหัวใจที่ซ่อนอยู่ในมุมเล็กๆ ของซามูไรผู้ไม่อยากฆ่าอีกแล้ว.
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมองหาหนังแอ็กชันล้วนๆโดยไม่มีประเด็นมากมาย ดูเพื่อสนุกเฉยๆก็ได้ แต่บทดราม่าและอดีตของ Kenshin อาจถูกมองข้ามได้.
